น้ำมันจระเข้

 

          ทำไม จระเข้ถึงไม่เสียชีวิตจากแผลที่ติดเชื้อ จากการต่อสู้ และยังอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด  นี่คือคำถามจากวิทยาศาสตร์ที่สังเกตการณ์ดำเนินชิวิตของ จระเข้ และเมื่อลองเฝ้าสังเกตดูแล้ว บาดแผลที่เกิดขึ้นบนชั้นผิวหนังของจระเข้รักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็วแล้วไม่มีรอยแผลเป็น จากการสังเกตครั้งนี้ จึงได้มีกาศึกษาอย่างจริงจัง โดยการนำไขมันของจระเข้มาวิเคราะห์ เพื่อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และได้พบว่า น้ำมันจระเข้ที่สกัดออกมานั้น มีคุณสมบัติ ช่วยในการรักษาแผลสะเก็ด ให้หายเร็วขึ้นและไม่เป็นแผลเป็น ส่วนประกอบหลักๆที่มีอยู่ในน้ำมันจระเข้ คือ โอเมก้า-3, -6, และ -9 ซึ่งสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังเมื่อลองสืบค้นดูแล้ว น้ำมันจระเข้ถูกใช้มานานแล้ว บางที่ อ้างว่า ครีโอพัตตรา ก็ยังใช้น้ำมันจระเข้เพื่อผิวที่สวยงามของนาง น้ำมันจระเข้ ที่นำมาใช้เพื่อ เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ที่ แห้งแตก คัน แพ้ และ ช่วยในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้นและลดการเกิดแผลเป็น

Have you ever seen crocodiles died from infected wounds and living in dirty swamp? No! we dont... Indeed; the wound heals itself really fast. This is the origin of the discovery of biological benets of crocodile oil. Crocodile oil has been used for a long time for skin problems such as burns, wounds, sunburns, and even eczema. Rich source of Omega – 3, -6, -9 compositions of crocodile oil works as moisturizer to dull, dry, itchy, irritated, cracked rough skin and wound healing agent.

CDIP oers you the 100% crocodile oil; CROCOSIA™. What is CROCOSIA™ actually?... CROCOSIA™ is the purest oil extracted from fat tissues of crocodile (Crocodylus siamensis) regally farmed in Thailand and rened by our own protocol in order to meet our high standard. Our CROCOSIA™ is the 100 % crocodile oil extracted without chemical use and puried by our own technique, which is under IP registration, to eliminate unpleasant scent and unwanted molecules. CROCOSIA™ has antimicrobial properties and creates a protective barrier over the burn helping it heal faster and reduce scaring.
 
Why choose CROCOSIA™ ?
- We are a leading company in innovative healthcare products and raw materials.
- 100% pure, chemical free, no additives and preservatives added.
- Rich sources of Omega-3,-6,-9 (nourishing and moisturizing your skin)
- No rancid smell
- Use for burns, wounds, sunburns, irritated, cracked skin
- Perfect for oil-based cosmetics such as ointment, aroma essential oil, soap, cream, and balm    

          น้ำมันจระเข้ ได้มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนาน ซึ่งถูกบันทึกเป็น Traditional remedy ในหลายๆประเทศ เพื่อช่วยในการบำรุงผิวพรรณ แม้กระทั่ง ยุคอียิป โบราณ ยังมีบันทึกถึงการใช้ น้ำมันจระเข้

ที่มา: Wikipedia


          หลายๆที่ กล่าวว่า จากหนังสือ Country Folk Medicine ครีโอพัตตรา ราชนีแห่งเมื่องอียิป ก็ยังใช้นำมันจระเข้เพื่อผิวที่สวยงามของนาง น้ำมันจระเข้สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ที่แห้งแตก คัน แพ้ และ บำรุงผิวให้สดใสสวยงาม และได้กล่าวกันว่า มีคุณสมบัติ ในการบำรุงผิวที่ ผิวหนังติดเชื้อรา สิว รวมถึงการรักษาแผลไฟใฟม้ น้ำร้อนลวก และผิวไหม้จากแสงแดด คุณสมบัติที่กล่าวอ้างจากความเชื่อในอดีต ปัจจุบันมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มายืนยันคุณสมบัติเหล่านั้นอย่างไร โปรดติดตาม

          ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด ขอนำเสนอ น้ำมันจระเข้ 100% ที่สกัดมาจาก เนื้อเยื่อไขมันจระเข้สายพันธุ์ ไทย และทำให้บริสุทธิ์โดยกระบวนการวิทยาศตร์ขึ้นสูง เพื่อให้ได้ น้ำมันจระเข้ที่มีความบริสุธิ์สูง มีกลิ่นหืนและคาวต่ำ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้โดยตรงเลย เพื่อประสิธิภาพสูงสุด หรือ ใช้เป็นสาระสำคัญในเครื่องสำอางได้ ในปริมาณสูงโดยไม่สร้างกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ในตัวเครื่องสำอาง เราเรียกน้ำมันจระเข้ของเราว่า  CROCOSIA™

          CROCOSIA™ เป็นน้ำมันจระเข้ 100% สกัดโดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ และทำให้บริสุทธิ์ โดยวิธีเฉพาะของเรา ซึ่งอยู่ในกระบวนการขึ้น สิทธิบัตร เพื่อกำจัดกลิ่นคาว และ สิ่งแปลกปลอมออก CROCOSIA™ มีคุณสมบัติ เหมือนเกราะปกป้องผิวหนังที่เป็นแผลและช่วยให้ถูกรักษาอย่างรวดเร็วและลดการเกิดแผลเป็น

REF: Hua-Liang Li (2012); Crocodile Oil Enhances Cutaneous Burn Wound Healing and Reduces Scar Formation in Rats

FAQ CROCOSIATM 

1. เพราะเหตุใดจึงมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับจระเข้?          

          นักวิทยาศาสตร์ได้ มีการตั้งข้อสังเกตถึงลักษณะการดำรงชีพของจระเข้ ซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่ง วังน้ำ หรือบึงที่มีโคลนตม1 อุดมไปด้วยเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์อยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งจระเข้ยังเป็นสัตว์นักล่าที่มีความดุร้าย ซึ่งมักเกิดบาดแผลจากการต่อสู้กับจระเข้ในแหล่งอาศัยเดียวกัน หรือกับสัตว์อื่น แต่เป็นที่น่าสนใจว่า บาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นสามารถเยียวยาสมานแผลให้ปิดสนิทได้ในระยะเวลาอันสั้น และไม่ติดเชื้อ จากกรณีดังกล่าวจึงเป็นจุดที่สนใจให้เกิดการตั้งทฤษฏี และสมมติฐานต่างๆทางวิทยาศาสตร์ถึงสารสำคัญในร่างกายของจระเข้ที่ช่วยในการต่อสู้กับเชื้อโรคและต่อต้านการติดเชื้อ(Infection)

2. ร่างกายของจระเข้ มีกลไกป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ (Infection) ได้อย่างไร? ?

         ผลจากการศึกษาพบว่าในร่างกายของจระเข้มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีเยี่ยม โดยภูมิคุ้มกันในระบบเม็ดเลือดและผิวหนัง สามารถประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ(Infection)และสมานแผลได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นบนร่างกาย

3. น้ำมันจระเข้ (Crocodile oil) มีแหล่งที่มาอย่างไร?         

        น้ำมันจระเข้(Crocodile oil) ทำการสกัดจาก“ไขมันจระเข้(Crocodile fatty tissues)” เนื่องจากจระเข้เป็นสัตว์ที่มีพละกำลังแข็งแรง ในทางสรีรวิทยา(Physiology)จึงมีปริมาณไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายไม่มาก ทำให้สามารถเก็บไขมันจระเข้ได้เฉลี่ยประมาณ  600-800กรัมจากจระเข้เพียง 1ตัวเท่านั้น3 จึงเป็นหนึ่งในข้อจำกัดต่อการศึกษาและพัฒนาการสกัดไขมันจากจระเข้ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนมากและเทคโนโลยีชั้นสูง ในการสกัดน้ำมันจระเข้ จากวัตถุดิบไขมันที่มีปริมาณไม่มากนัก

4. องค์ประกอบและสารสำคัญในน้ำมันจระเข้มีอะไรบ้าง?                        

         ในไขมันจระเข้ ประกอบไปด้วยกรดไขมันชนิดอิ่มตัว(Saturated fatty acid) และกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ( Unsaturated fatty acid) พบสารสำคัญที่มีอยู่ในน้ำมันจระเข้ ได้แก่ โอเมก้า (Omega) 3, 6และ 9ซึ่งเป็นองค์ประกอบของกรดไขมันปาล์มมิติก(Palmitic  Acid),กรดไขมันโอเลอิก(Oleic Acid) และกรดไขมันไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ในปริมาณสูง โดยกรดไขมันดังกล่าวมีคุณสมบัติสำคัญในการให้ความชุ่มชื้น บำรุงผิวพรรณ ได้อย่างดีเยี่ยม

5. น้ำมันจระเข้ (Crocodile oil) มีประโยชน์อย่างไร?

         ผลจากการศึกษาวิจัย พบว่าน้ำมันที่สกัดจากไขมันจระเข้ มีคุณสมบัติเด่นในด้านการบำรุงผิวพรรณ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ลดอาการอักเสบระคายเคือง จากผิวหนังที่แห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น มีคุณสมบัติของเชื้อแบคทีเรียก่อโรค Staphylococcus aureus, Klebsiella pneumonia5 และลดการเจริญเติบโตเชื้อรา Candida albicans ได้อย่างมีนัยสำคัญสูงถึง 81.7%6 อีกทั้งสามารถช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ให้หายได้เร็วขึ้น และมีส่วนช่วยกระตุ้นชั้นเซลล์ผิวใหม่และควบคุมเอนไซม์ในการสร้างชั้นผิวให้เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ชั้นเซลล์ผิวใหม่มีการเรียงตัวที่เป็นระเบียบ ลดการเกิดรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ          ส่วนประกอบหลักๆที่มีอยู่ในน้ำมันจระเข้ คือ โอเมก้า (Omega) 3, 6, และ 9ซึ่งสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งมีองค์ประกอบของกรดไขมัน Palmitic Acid , Oleic Acid และ Linoleic Acid สูง

6. น้ำมันจระเข้ (Crocodile oil) มีความปลอดภัยหรือไม่?         

          น้ำมันจระเข้มีส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกับองค์ประกอบไขมันบนผิวหนังของมนุษย์ โดยมีความแตกต่างเพียงจำนวนเปอร์เซ็นต์ของส่วนประกอบที่ปรากฏ และด้วยคุณสมบัติดังกล่าว จึงพบอาการแพ้(Allergic)ได้น้อยมาก เมื่อทาน้ำมันจระเข้ลงบนผิวหนังมนุษย์ อีกทั้งยังมีการยอมรับถึงความปลอดภัยและได้รับความนิยมในการใช้อย่างกว้างขวาง

         น้ำมันจระเข้ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เป็นระยะเวลายาวนานหลายร้อยปี ในหลายวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค อาทิ อียิปต์,จีน,สิงคโปร์,มาเลเซีย,ฟิลิปินส์,อเมริกาใต้,มาดากัสการ์,ออสเตรเลีย, และแอฟริกาใต้ เป็นต้น ในอารยธรรมยุคอียิปต์โบราณพบว่ามีการใช้น้ำมันที่สกัดจากไขมันจระเข้ ในด้านการป้องกันและเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆในมนุษย์9 นอกจากนี้ในอารยธรรมจีนโบราณ พบว่าชาวจีนนั้นมีความผูกพัน และมีการใช้ประโยชน์จากจระเข้มาอย่างยาวนาน โดยชาวจีนได้เริ่มมีการบริโภคเนื้อจระเข้มา เมื่อราว 4,000 ปีก่อน จากบันทึกตำราการแพทย์แผนจีน ชื่อว่า The “Compendium of Materia Medica” โดย หลี่ สือเจิน (Li Shizhen) เภสัชกรชาวจีนผู้มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์หมิง ได้กล่าวว่า เนื้อจระเข้นั้นเป็นตัวชูกำลังที่มีคุณค่า โดยสามารถรักษาความชื้นและจุดด่างดำบนผิว การรับประทานเนื้อจระเข้เป็นประจำช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ลดจุดด่างและทำให้มีผิวพรรณที่สวยงาม

          ในปัจจุบันพบว่าผู้บริโภคมีการใช้ประโยชน์จากน้ำมันจระเข้เป็นเครื่องสำอางบำรุงผิวพรรณ เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพผิวต่างๆ เพื่อความสวยงาม อาทิ ผิวแห้งแตก ผิวหนังลอกเป็นขุย สิว ผิวอักเสบ ริ้วรอย จุดด่างดำ แสบร้อนจากแสงแดด(Sunburn) อาการระคายเคือง แมลงสัตว์กัดต่อย แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกขนาดเล็ก และในเชิงการรักษาบรรเทาอาการของโรคผิวหนังเอ็คซีม่า(Eczema)  และโรคสะเก็ดเงิน(Psoriasis)

7. CROCOSIATM คืออะไร?         

          CROCOSIATM เป็นนวัตกรรมใหม่ของ “น้ำมันจระเข้” จากแนวทางการคิดค้นและพัฒนากระบวนการสกัดน้ำมันจากไขมันของจระเข้สายพันธุ์ไทย(Crocodylus Siamnensis) ซึ่งจัดเป็น“Waste Product” หรือวัตถุดิบเหลือใช้จากอุตสาหกรรมเนื้อและหนังจระเข้ในประเทศ เพื่อมาต่อยอดใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและเวชสำอาง  ด้วยขั้นตอนและวิธีการสกัดที่เป็นเทคนิคเฉพาะ ผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยทีมงานนักวิจัยฝ่ายนวรรตกรรม(Innovation teams) ควบคุมคุณภาพและผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายใต้สิทธิบัตรของบริษัท CDIP (Thailand)Co.Ltd. ส่งผลให้ได้วัตถุดิบน้ำมันจระเข้ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น คงปริมาณสารสำคัญ ขจัดสิ่งแปลกปลอมและลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

8.CROCOSIATM มีลักษณะอย่างไร?             

          CROCOSIATM เป็นน้ำมันจระเข้ สกัดจากไขมันจระเข้สายพันธุ์ไทย Crocodylus Siamnensis มีลักษณะทางกายภาพเป็นน้ำมัน ของเหลวใส บริสุทธิ์ 100% ปราศจากสิ่งเจือปน ประกอบไปด้วยกรดไขมันสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ กรดไขมันปาล์มมิติก(Palmitic  Acid),กรดไขมันโอเลอิก(Oleic Acid) และกรดไขมันไลโนเลอิก (Linoleic Acid) หรือที่รู้จักกันในชื่อของโอเมก้า3,6 และ 9(Omega 3,6,9)1ดำเนินการผลิตภายใต้สิทธิบัตรของบริษัท CDIP (Thailand) Co.Ltd. แต่เพียงผู้เดียว  และจัดจำหน่ายใน 3 เกรดตามระดับคุณภาพ ได้แก่ เกรดมาตรฐาน(Standard Grade: ST),เกรดพรีเมี่ยม(Premium Grade: PM) และเกรด ไฮ เพอร์ฟอร์มานซ์(High Performance: HP)

9. CROCOSIATM น้ำมันจระเข้สายพันธุ์ไทย แตกต่างจากน้ำมันจระเข้สายพันธุ์อื่นหรือไม่?        

          อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยในการวัดปริมาณกรดไขมันสำคัญในน้ำมันจากไขมันจระเข้ลุ่มน้ำไนล์(NileCrocodile: C.niloticus) และจระเข้น้ำเค็ม(C.pyrosus) เทียบกับผลวิเคราะห์น้ำมันจระเข้CROCOSIATMซึ่งเป็นน้ำมันจากไขมันจระเข้สายพันธุ์ไทย(C.Siamnensis) พบว่ามีชนิดและปริมาณกรดไขมันสำคัญคือ กรดไขมันปาล์มมิติก(Palmitic fatty acid) ในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน

          นอกจากนี้ อ้างอิงจากงานวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันที่สกัดจากไขมันจระเข้สายพันธุ์ไทย(C.Siamnensis)ชื่อว่า“Crocodile oil enhances cutaneous burn wound healing and reduces scar formation in rats” โดยHua-Liang Li, PhDและคณะ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Academic Emerg Medicine เมื่อปี 2012 ได้ผลการทดลองและข้อสรุปที่ว่าในน้ำมันจากจระเข้สายพันธุ์ไทย(C.Siamnensis)พบปริมาณกรดไขมันสำคัญเป็นส่วนใหญ่ 3 ชนิด ได้แก่ กรดไขมันปาล์มมิติก(Palmitic  Acid),กรดไขมันโอเลอิก(Oleic Acid) และกรดไขมันไลโนเลอิก (Linoleic Acid)นอกจากนี้พบว่าน้ำมันจากจระเข้สายพันธุ์ไทยสามารถช่วยสมานแผลน้ำร้อนลวกขนาดเล็ก ให้ปิดสนิทได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม(Control)และกลุ่มที่รักษาแผลด้วย น้ำเกลือ หรือ Silver Salfadiazine อีกทั้งชั้นผิวที่เกิดขึ้นใหม่นั้นมีการเรียงตัวของชั้นผิวคอลลาเจนที่เป็นระเบียบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำมันจระเข้มีฤทธิ์ควบคุมยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นผิวใหม่ ลดการเกิดรอยแผลเป็น

10. CROCOSIATM สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไรบ้าง?         

          น้ำมันจระเข้ CROCOSIATM เป็นวัตถุดิบ(Raw Material)สามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สกินแคร์ และเวชสำอาง ร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ อาทิ น้ำมันหอมระเหย(Essential oil) ,สารสกัดจากธรรมชาติ(Natural extracts),กากกาแฟ,น้ำนมแพะ,ว่านหางจระเข้ และอื่นๆ ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากน้ำมันจระเข้ในตลาดเครื่องสำอางมากมาย หลากหลายรูปแบบ เช่น น้ำมันบริสุทธิ์ สำหรับทาผิว (Pure oil),น้ำมันบำรุงผิวหน้า(Facial oil),ครีม,บาล์ม(Balm), สบู่,มาส์กหน้า(Facial mask) เป็นต้น

 

การศึกษาน้ำมันจระเข้

           การศึกษาของ  Telanie Venter B. , M.Sc. (Pharmaceutics) ในปี 2012พบว่าน้ำมันจระเข้มีกรดไขมันอิ่มตัวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นองค์ประกอบ เช่นเดียวกับปริมาณกรดไขมันในผิวมนุษย์ เมื่อนำมาใช้กับผิวของมนุษย์จะทำให้เกิดโอกาสการแพ้การระคายเคืองได้น้อย รวมถึงยังสามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีอีกด้วย น้ำมันจระเข้ Crocosia จึงสามารถใช้ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น สามารถใช้กับบริเวณที่ผิวแห้ง แตก คัน และยังมีคุณสมบัติในการสมานแผล ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ไหม้จากแสงแดด และ แผลที่อยู่ระหว่างการตกสะเก็ด เพื่อลดการเกิดแผลเป็นอีกด้วย

คุณสมบัติของน้ำมันจระเข้

   น้ำมันจระเข้ crocosia สกัดโดยกรรมวิธีเฉพาะที่ทางทีมวิจัย CDIP ได้ทำการทดสอบทดลองร่วมสองปี จนได้ น้ำมันจระเข้ที่บริสุทธิ มีกลิ่นคาวที่น้อย จนสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอางในความเข้มข้นสูงได้ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดของน้ำมันจระเข้ 
          - นำมันจระเข้บริสุทธิ 100 % สกัดโดยปราศจากสารเคมี
          - อุดมไปด้วย โอเมก้า 3 และ 9 ช่วยบำรุงผิวให้ผิวชุ่มชื่น
          - ปราศจากกลิ่นคาว
          - ช่วยสมานแผล ไฟไหม้, แผลตกสะเก็ด, ผิวไหม้จากแสงแดด, ผิวแห้งแตกคัน, ส้นเท้าแตก
          - สามารถนำไปผลิตเครื่องสำอางได้เช่น ออยเมนต์, นำมันอโรม่า, สบู่, ครีม, ปาล์ม
 
คุณสมบัติของน้ำมันจระเข้ในการสมานแผล

          จากการศึกษาคุณสมบัติของน้ำมันจระเข้ในการสมานแผลไฟไหม้และลดการเกิดรอยแผลเป็นในหนู (Hua-Liang Li et al. , 2012 ) พบว่าหนูที่ทำให้ผิวหนังถูกไหม้โดยใช้รังสี UV และใช้น้ำมันจระเข้มี healing time น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับหนูที่ใช้ Normal saline และ Sliver sulfadiazine และเมื่อนำชั้นผิวหนังของหนูไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่าน้ำมันจระเข้ช่วยลดการเกิดแผลเป็นในชั้นผิว epidermis หรือหนังกำพร้าได้ โดยยับยั้งการสร้างเซลล์ใหม่ที่เร็วเกิดไปและทำให้เกิดรอยแผลเป็น

การทำงานของน้ำมันจระเข้ในการสมานแผล

น้ำมันจระเข้ ทำงาน ระดับ gene expression  TGF-β1 ⁄Smad3 เป็นยีนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการรักษาแผล เมื่อเกิดแผลที่ผิวหนัง ยีนสองตัวนี้จะทำงานมากกว่าปรกติเพื่อเร่งการสร้างเนื้อเยื่อจนเกิดเปนแผลเป็นนูนขึ้น  

ที่มา: Hua-Liang Li et al. , 2012

          จากกราฟ แสดงให้เห็นว่า การทำงาน ของ ยีน TGF-β1 ⁄Smad3 ในตัวอย่างแผลไฟไหม้ที่ใช้น้ำมันจระเข้ ต่ำลงมากเมื่อเทียบกับค่าที่ได้จากแผลไฟไหม้ของตัวอย่างควบคุม และมีค่า ใกล้เคียง กับสภาวะของผิวปรกติ  และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถยืนยัน คุณสมบัติของน้ำมันจระเข้ในการช่วยการสมานแผลและลดการเกิดแผลเป็น

การจัดเรียงคอลลาเจน บริเวณแผลเมื่อใช้น้ำมันจะเข้

          คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการที่จะมีผิวที่แข็งแรงและเรียบเนียน และยังมีบทบาทสำคัญในการสมานแผลที่ผิวหนังโดยธรรมชาติ โดยการถูกสร้างใหม่ แต่ถ้าการสังเคราะห์คอลลาเจนขึ้นมาใหม่นี้ ผิดรูปแบบการจัดเรียง ผิดโครงสร้างจะทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดเป็นรอยนูนและจะทำให้เกิดแผลเป็นในที่สุด

ที่มา: Hua-Liang Li et al. , 2012

epi = epidermal; h = hair follicle

จากภาพถ่ายผิวหลังจาก 28 วันของการทดสอบ

- รอยต่อระหว่าง epidermis และ dermis ของ ตัวอย่างกลุ่ม burn control จะมีร่องรอยการถูกทำลาย(รอยต่อไม่ชัดเจน)ในกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ silver sulfadiazine มีรอยต่อที่ชัดเจนแสดงถึงการฟื้นฟูที่ดีแต่มี     ชั้น epidermis ที่หนามาก เมือเปรียบเทียบกับ ผิวปรกติและกลุ่มที่ใช้น้ำมันจระเข้
- รูขุมขน ในกลุ่มที่ใช้ น้ำมันจระเข้มีการฟื้นฟูดีที่สุดเมื่อเทียบกลุ่มแผลไฟไหม้อื่นๆ
- การจัดเรียง คอลลาเจน ในกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ น้ำมันจระเข้ มีการจัดเรียงที่สม่ำเสมอ ไม่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดรอยแผลเป็นนูนในที่สุด

ผลิตภัณฑ์จากมันจระเข้ Crocosia "PETE&PAUL NATURAL OIL" (Crocosia + Tea tree oil)

Download CROCOSIA™ Brochure

Download CROCOSIA™ Brochure TH

ขนาดบรรจุภัณฑ์

 

ข้อมูลเพิ่มเติม 

 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับน้ำมันจระเข้ CROCOSIATM  ในรูปแบบวัตถุดิบ(Raw Material) หรือสนใจสั่งผลิตสินค้า OEM สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง 
 
คุณปาริชาต (ปีโป้) 
 
Own Brand Supervisor 
 
Mobile Phone No.091-120-3369 Line ID: @obcdip
 
บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด

 

 

131 ห้อง 204 อาคารกลุ่มนวัตกรรม1 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย  ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

131 INC1 No.204 Thailand Science park, Paholyothin Rd. Klong1, Klong Luang, Pathumthani, Bangkok 12120 Thailand 

 

 

 

(662) 564 7000 ต่อ 5204, +66 564 7200 ต่อ 5227